วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

Apple ให้โรงงานเริ่มผลิต iPad 2 แล้ว

                รายงานข่าวจาก The Wall Street Journal เผยแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ระบุว่า Apple ได้สั่งให้โรงงานในจีนเริ่มผลิต iPad 2 แล้ว โดยไอแพดรุ่นใหม่จะมีความบาง และเบากว่ารุ่นแรก พร้อมทั้งฟันธงว่า iPad 2 จะมาพร้อมกับกล้องด้านหน้า (fron-facing camera) รวมถึงการใช้โพรเซสเซอร์ที่เร็วกว่าเดิม มีหน่วยความจำมากขึ้น ตลอดจนหน่วยประมวลผลกราฟิกที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอีกด้วยอย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาจะมีการพูดถึงคุณสมบัติบางอย่างที่แตกต่างกัน โดย WSJ กล่าวว่า ความละเอียดของหน้าจอแสดงผล iPad 2 จะเท่าๆ กับรุ่นแรกคือที่ 1024 x 768 ในขณะที่เว็บไซต์ DgiTimes รายงานข่าวเมื่อเดือนมกราคมทีผ่านมาว่า iPad 2 จะมีความละเอียดมากกว่า 4 เท่าคือ 2046 x 1536 พิกเซล แม้จะมีรายงานข่าวว่า ทาง Apple ได้เริ่มผลิต iPad 2 แล้ว แต่สิ่งที่ทาง WSJ ไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาก็คือ กำหนดการวางตลาดของ iPad รุ่นใหม่

Apple แนะนำ iPad รุ่นแรกในเดือนเมษายน 2010 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า iPad 2 น่าจะวางตลาดในช่วงเดือนเมษายนเช่นเดียวกัน เพื่อให้มีช่วงเวลาสำหรับรอบการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง iPhone 5 ด้วย อย่างไรก็ตาม Apple อาจจะมีการเปลี่ยนรอบการออกผลิตภัณฑ์ให้เร็วขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ของปีนี้ไม่เหมือนกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะการเปิดตัวของแท็บเล็ตสายพันธุ์ Android จากบรรดาผู้ผลิตพีซี รวมถึงการที่ Google เร่งเครื่องพัฒนา Android 3.0 Honeycomb โอเอสสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญที่ Apple ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้
ด้วยเหตุดังกล่าว ผุ้เชียวชาญ และนักวิเคราะห์อีกกลุ่มหนึ่งมีความเชื่อว่า Apple น่าจะวางตลาด iPad 2 ให้เร็วขึ้น เพื่อแตะเบรคแท็บเล็ต Android โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีรายงานข่าวการเปิดสายการผลิต iPad 2 แล้ว ยิ่งสร้างความเป็นไปได้ที่ผู้บริโภคจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ iPad รุ่นใหม่ในเดือนหน้านี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ทางเว็บไซต์ arip จะเกาะติดความคืบหน้าของ iPad 2 มาให้คุณผู้อ่านได้ทราบกันอีกทีหนึ่ง

มินิพรีวิว : iPad 2


พอดีได้มีโอกาสไปลองจับ iPad 2 มาสักประมาณ 10 นาทีครับ เลยเอามาเขียนเป็นมินิพรีวิวให้ได้อ่านกัน



ความรู้สึกครั้งแรกก่อนจับ iPad 2 นั้นผมคิดว่า ตัวเลขน้ำหนักที่ Apple แจ้งมาก่อนหน้านี้ มันเบากว่าเดิมแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่เมื่อลองจับ iPad 2 ดูแล้วพบว่ามันเบากว่าเดิมมากทีเดียวครับ ไม่รู้สึกเมื่อยมือแบบ iPad 1 อีกต่อไปครับ



ส่วนในเรื่องของความบางนั้น ยอมรับว่ามัน "บางมาก" ทีเดียวครับ บางจริงๆ ซึ่งถึง iPad 2 จะมีตัวเลขบอกว่ามันบางลงแค่ไม่กี่มิลลิเมตร แต่เมื่อจับแล้วมันบางมากจริงๆนะ อันนี้ต้องลองไปจับกันดูครับ



โดยรุ่นที่ผมได้ไปลองเล่นมานั้นเป็น iPad 2 สีดำ 3G+WiFi 64GB ครับ 

ด้านความเร็วของ iPad 2 ยอมรับเลยว่า เร็วขึ้นกว่าเดิมมากจริงๆ เร็วกว่าทั้ง iPad ตัวแรก และ iPhone 4 อย่างเห็นได้ชัดครับ (มีถ่ายวีดีโอมาให้ดูด้วยนิดนึงครับ ดูได้ที่ท้ายข่าวนี้ได้เลยครับ)




ด้านการถ่ายรูป ความรู้สึกแรกหลังจากที่เปิดกล้องถ่ายรูปของ iPad 2 มีความรู้สึกว่า ทำไมมันใหญ่จัง ภาพเต็มจอเลย เวลาถ่ายรูปจะดูตื่นตาตื่นใจเพราะความใหญ่ของมันครับ แต่ภาพเมื่อถ่ายออกมาแล้ว คุณภาพก็ไม่ได้ดีเท่าไรครับ เพราะกล้อง iPad 2 ไม่ได้ละเอียดมาก แต่ความใหญ่นี่ได้ใจไปเต็มๆเลยครับ

เรื่องกล้องยังไม่จบแค่นั้นครับ ผมคิดว่า iPad 2 นั้นมีดีที่ Photo Booth จริงๆครับ ถ้าหากสาวๆท่านใดหยิบ iPad 2 ขึ้นมา จะต้องชอบ Photobooth แน่นอนครับ โดย Photo Booth ของ iPad 2 ก็ได้ใส่เอฟเฟ็กซ์มาให้ 9 แบบครับ

ส่วนฟีเจอร์การใช้งาน FaceTime นั้นไม่ได้ลองใช้งานครับ เนื่องจากมีเวลาน้อยครับ



สำหรับหลายๆคนอาจจะมีคำถามว่า มี iPad 1 อยู่แล้ว จะซื้อ iPad 2 ดีมั้ย? 

อันนี้ครั้งแรกก่อนที่ผมจะจับ iPad 2 ผมก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องซื้อครับ แต่พอไปจับแล้วก็เปลี่ยนใจไปเลย เพราะ minor change ของ iPad 2 นี่มันออกมาแบบ เล็กๆ แต่ใหญ่มากครับ โดยเฉพาะกล้อง ใหญ่จริงๆนะ ต้องลอง 






ขอขอบคุณคุณลิฟท์ (@L77) จากร้าน Blink7 ชั้น 4 MBK ที่ให้ยืมเครื่อง iPad 2 มาใช้ประกอบการพรีวิวในครั้งนี้ครับ วันที่ผมไปลองเล่น iPad 2 นี้ iPad 2 ที่ร้านของคุณลิฟท์ก็ขายหมดเกลี้ยงไปแล้วครับ ใครที่สนใจคงจะต้องรอล็อตหน้าแล้วครับ ยังไงก็ติดตามความคืบหน้าของ iPad 2 เครื่องหิ้วได้จากร้าน Blink7 ของคุณลิฟท์นะครับ


อัพเดตความคืบหน้า iPad 2 พร้อมภาพหลุดเคส iPad 2 แม้ตัวจริงจะยังไม่ถูกเปิดเผย

อัพเดตความคืบหน้า iPad 2 พร้อมภาพหลุดเคส iPad 2 แม้ตัวจริงจะยังไม่ถูกเปิดเผย
หลังจากที่มีทั้งข่าวหลุดและข่าวลือจากหลายสำนักเกี่ยวกับ iPad 2 ที่คาดว่าทาง Apple จะทำการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ อีกทั้งมีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ เข้ามามากมาย วันนี้ก็มีข่าวหลุดเกี่ยวกับ iPad 2 อีกแล้ว โดยเป็นข่าวที่ค่อนข้างจะเชื่อถือได้ เนื่องจากเป็นคำยืนยันจาก 5 บริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตส่วนประกอบให้ iPad 2 นั่นเอง
โดยทั้ง 5 บริษัทดังกล่าว ได้แก่ บริษัท Genius Electronic Optical และบริษัท Largan Precision ผู้ผลิตชิ้นส่วนของกล้องถ่ายรูป, บริษัท Wintek ผู้ผลิตและออกแบบชิพ, บริษัท Simplo ผู้ผลิตชิ้นส่วนของแบตเตอรี่ และบริษัท AVY Precision ผู้ผลิตส่วนโครงของ iPad 2
สำหรับส่วนหลักๆ ที่จะทำการอัพเกรดให้กับ iPad 2 เจเนอเรชั่นใหม่นี้ ได้แก่ ส่วนของกล้องด้านหน้าและด้านหลังตัวเครื่อง, SD card slot, จอแสดงการประมวลผลภาพที่ละเอียดและชัดขึ้น และดีไซน์ที่บางเบากว่ารุ่นปัจจุบัน แต่สำหรับส่วนของระบบของการเชื่อมต่อนั้น คาดว่าทาง Apple จะนำไปปรับปรุงและแก้ไข เนื่องจากมีเสียงตอบรับในด้านที่ไม่ดีจากลูกค้าว่า มีมาให้ไม่เพียงพอกับความต้องการ
ภาพหลุดเคส iPad 2
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด กลับมีภาพของตัวเคส iPad 2 หลุดออกมาทั้งๆ ที่ iPad 2 ตัวจริงยังไม่ถูกเปิดเผย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การออกแบบในส่วนโครงสร้างของเครื่องนั้นแทบจะไม่ต่างจากเดิมเท่าไรนัก แต่ส่วนที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ก็คือ กล้องที่มีทั้งด้านหน้าและด้านหลังตัวเครื่องนั่นเอง

ข้อมูลใหม่ ! ความคืบหน้าของ iPad 2

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPad 2 เครื่องที่คาดว่าจะเป็นตัวทำเงินทำทองให้กับ Apple ในปี 2011 ในตอนนี้มีข่าวข้อมูลออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่ที่หลุดออกมานั้น ก็มักจะเป็นข้อมูลจากทาง ซัพพลายเออร์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆในการทำชิ้นส่วนให้กับ iPad 2 ในเมืองจีน แต่สำหรับครั้งนี้ก็เป็นแหล่งข่าวจากเมืองจีนอีกนั่นแหละ แต่เป็นข้อมูลที่ให้กับทาง เว็บ Blog ในญี่ปุ่น โดยตัวเครื่องต้นแบบหรือ โปรโตไทพ์ ของ iPad 2 นั้นตัวเครื่องจะมีขนาดความบางลงกว่าเดิม 3 mm ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเห็นผลมากเท่าไรจากรุ่นในปัจจุบัน หน้าจอยังคงเป็นหน้าจอขนาด 9.7 นิ้วเหมือนเดิม
ตัวเครื่องจะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมนิดหน่อย คือจากเดิมที่ 242.8 x 189.7 mm จะเป็นขนาดที่ 239 x 186 mm ส่วนเรื่องข่าวข้อมูลที่ว่า iPad 2 จะมีช่องเสียบ USB หรือช่องเสียบ Memory Card อย่าง SD Card slot ตามข้อมูลในวันนี้ทาง Macotakara บอกว่ายังไม่เห็นรูปแบบดังกล่าว ซึ่งก็คาดว่าน่าจะไม่มีช่อง USB ตามข่าวก่อนหน้านี้  สิ่งที่เปลี่ยนแปลงต่อมาก็คือ Ambient Light Sensor (ALS) ของตัวเครื่องมีการย้ายตำแหน่งไปอยู่ตรงบริเวณส่วนกลางด้านบนของตัวเครื่อง  และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอีกจุดที่น่าสนใจก็คือ ช่องลำโพงของ iPad 2 ก็คือ wide-range speaker ช่องลำโพงด้านล่าง โดยจะเป็นลักษณะคล้ายๆตะแกรงปิดกันวัตถุต่างๆไปกระทบ ตามในภาพที่เค้าทำ CG ขึ้นมา
ส่วนการส่งมอบ iPad 2 ก่อนที่จะเปิดตัวและออกจำหน่ายนั้นก็คาดว่าน่าจะเริ่มส่งมอบได้ภายในเดือน มกราคม 2554 นี้ ส่วนเรื่องราคายังปิดปากกันเสียสนิท แต่ตามนิสัยของ Apple เอง ราคาเครื่องรุ่นใหม่ก็คงไม่แตกต่างจากเครื่องรุ่นเก่า มีบวก ลบนิดหน่อย ไม่มาก ว่าแต่บ้านเรา iPad รุ่นแรกเพิ่งออกขายไม่ถึงเดือนเลย นี่ iPad 2 จะมาอีกแล้วหรือ ????

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

สถิติยอดขายมือถือ

ThaiShortNews LIVE กำลังจะเริ่ม วันนี้เรื่อง สถิติยอดขายโทรศัพท์มือถือ หากรบกวน Timeline ของท่านโปรดให้อภัย..

------- ThaiShortNews LIVE -------

วันนี้ LIVE จะสั้นๆหน่อยครับ เพราะไม่ค่อยมีข่าวอะไร...เลยเอาสถิติยอดขายโทรศัพท์มาให้ดูกันนิดหน่อย

เดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซัมซุงขึ้นแท่นยอดขายมือถืออันดับ 1 ของเมืองไทยไปแล้วครับ ครองส่วนแบ่งไป 32.9% โดยมูลค่าตลาด (ต่อเดือน)

แต่ส่วนแบ่งทั้งปียังอยู่ที่ 29% เป็นรองโนเกียอยู่ แค่คาดว่า ธันวาคม ยอดต่อเดือนจะเป็น 35% ซึ่งทำให้ยอดทั้งปีเป็น 31%

เป็นครั้งแรกครับที่มีการเบียดเจ้าตลาดโนเกียได้ใกล้ชิดขนาดนี้ สินค้าของซัมซุงที่เป็นไฮไลต์คือทัชโฟนแคนดี้ครับ ขายได้กว่า 50,000 เครื่อง/เดือน

ซัมซุงแคนดี้นี่เป็น Feature phone ที่ตั้งราคาที่ 5,990 (กันยา 2009) เล่นตลาดล่างเมื่อเทียบกับบรรดา smartphone

ตัวนี้น่าจะทำให้ smartphone ปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย เพราะมี feature Social Network ด้วย และโฆษณาอัดด้วยความเป็น Touch phone

จุดอ่อนคือไม่มี WiFi และก็ไม่ใช่เป็น smartphone ยังคงเป็นแค่ feature phone ซึ่งก็สมกับราคา แต่ทำให้ตลาดสั่นไหวไปได้พอควร

ตอนนี้ตลาดโทรศัพท์ตลาดล่างก็เลยเป็นการแย่งกันของ Nokia กับ Samsung ไปโดยปริยาย เกิดขึ้นเกือบทั้งโลก...

ซัมซุงคุยว่าในส่วนโทรศัพท์ ทัชโฟน ซัมซุงกินส่วนแบ่งไป 40% จากมูลค่า 9 พันล้านบาท (1.5 ล้านเครื่อง) ในปีนี้

ปี 2009 มีรายได้จากมือถือในไทยประมาณ 6-7 พันล้านบาท (ตัวเลขเดือนสุดท้ายยังไม่ออก) ใช้งบการตลาดไป 600-700 ล้านบาท

ปีหน้าซัมซุงคาดว่าจะมีรายได้จากโทรศัพท์ในไทย 10,000 ล้านบาท เรียกว่า แถลงแบบไม่กลัวโนเกียเลยว่างั้น...

ตัวชูโรงตัวต่อไปคือ ทัชโฟนวัน เป็น ทัชโฟนราคา 4,290 บาท...

RT @mrpok: @ThaiShortNews Samsung Candy ในตลาดเหลือประมาณ 5,000 - 5,500 แล้ว

ผมอ่านรายงานยอดขายนี้แล้วหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะเป็นการแถลงแบบนักการตลาด ขอถลกหนังดูจริงๆกันในระดับโลกเลยดีกว่า

บอกแล้วนะครับว่าผม LIVE ตามความเห็นของผม และเป็นการ "วิพากษ์แบบสุดขั้ว" ไม่ต้องมาโกรธตามด่ากัน เพราะผมไม่สนใจ 555

ไตรมาสสุดท้ายปี 2009 (ฝรั่งนับ กค.-กย.นะครับ) ผลประกอบการของโนเกีย อยู่ที่ 108.5 ล้านเครื่อง เป็นมูลค่า 6.9 ล้านยูโร (10.36 ล้านเหรียญ)

Apple ขาย iPhone 7.4 ล้านตัว ได้ยอดขาย 4.5 ล้านเหรืยญ ที่สำคัญคือ กำไรสูงกว่า โนเกียมาก ขายน้อยตัว กำไรเยอะ

การแถลงผลประกอบการของซัมซุงโดยใช้คำว่า "Touch Phone" เป็นเรื่องน่าหงุดหงิด เพราะชี้นำตลาดให้เข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง

ผมเชื่อว่าตลาดในอนาคตน่าจะอยู่ที่ smartphone มากกว่า ตลาด phone และ smartphone น่าจะแยกออกจากกันเป็นคนละเรื่องมากกว่าจะมั่วรวมกันไป

ใน Q3 ราคาขายเฉลี่ย (Average Selling Price - ASP) ของ Nokia อยู่แค่ 72 ยูโร ตกจากปีที่แล้วถึง 10 ยูโร

ยอดขาย smartphone ขึ้นจาก 31.7 ล้านเครื่อง/ไตรมาส ปี 07 เป็น 44.2 ล้านในปีที่แล้ว แต่ยอดของ Nokia หายไปจาก 16 เป็น 15.5 ล้าน

ดูรายงานในอังกฤษก็ออกมาทำนองเดียวกัน คือใช้คำว่า Touch มาทำให้ตลาดปนกันไปหมด...

เรื่องนี้ผมว่าบรรดา smartphone คงต้อง educate ตลาดให้ดีว่าตลาดอยู่ตรงไหน ไม่งั้นจะเสียเปรียบเพราะเรื่องราคาเป็นหลัก...

กราฟนี้จะแสดงให้เข้าใจว่า Apple กับ RIM กำลังกินกำไรของอุตสาหกรรมมือถือไปหมดครับhttp://bit.ly/8y4iRC (ข้อมูลจาก Deutshe Bank)

จากกราฟของ Deutshe Bank - Apple กับ RIM ขายได้ 5-10% ของมือถือทั้งโลก แต่กินกำไรไป 31% (Apple) และ 35% (RIM)

เดือนนี้รอดูนะครับ Apple จะประกาศผลประกอบการวันที่ 25 นี้ แล้วเปิดตัว iSlate ต่อในวันรุ่งขึ้น คงกะให้หุ้นขึ้นสองขยัก โนเกียดันประกาศ 28

Samsung ใช้คำว่า "Touch phone" ส่วนโนเกียใช้คำว่า "Smartphone ทั้ง 20 รุ่นของเรา" ไม่รู้นับมาจากไหน...

วันนี้ LIVE มีสั้นๆแค่นี้แหละครับ ชี้ให้เห็นเฉยๆ เพราะดูคนเดียวแล้วหงุดหงิด...

ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัว ทวีตเพราะอยากทวีตครับ สวัสดีครับ
บทความต่อไปนี้คัดลอกจาก Twitter Timeline ของ @ThaiShortNews LIVE ซึ่งเป็นการวิพากษ์เรื่องราวในวงการไอทีแบบสุดขั้วในลักษณะ Tweets LIVE ทุกวัน เวลาประมาณ 21:00 น. วัตถุประสงค์การทำงานนี้เพื่อให้เกิดการวิพากษ์แบบสองทาง (Interactive two-way communication) โดยใช้ Twitter ซึ่งเหมาะสำหรับงานแบบนี้

เว็บนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สะดวกในการอ่านย้อนหลังเท่านั้น หากท่านต้องการได้รับอรรถรสตามวัตถุประสงค์ของผู้จัดทำ กรุณา follow Twitter @ThaiShortNews และติดตามในช่วงเวลาดังกล่าว (21:00 น. โดยประมาณ ทุกคืน)
 

Phone WaR


อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่แข่งขันกันอย่างรุนแรงที่สุดในปัจจุบันนี้ นี่คงเป็นประโยคที่หลายคนไม่อาจปฏิเสธได้ ทั้งๆที่โดยแรกเริ่ม อุตสาหกรรมมือถือเริ่มการพัฒนาโดยบริษัทใหญ่อย่างโนเกีย ซีเมนส์และโมโตโรล่าโดยในช่วงแรกนั้นพัฒนาขึ้นเพื่อการติดต่ออย่างเดียวเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีลูกเล่นแต่อย่างใด เมื่อปี 1989 โนเกียได้เปิดตัวโทรศัพท์(ที่อาจเรียกได้ว่า)เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกในชื่อ Nokia 101
(ก่อนหน้านี้โมโตโรล่าได้ปล่อยตัวโทรศัพท์ไร้สายออกมาในชื่อรุ่น Motorola DynaTAC 8000X
แต่มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และหนัก หรือที่เราเรียกกันติดปากว่ารุ่นกระดูกหมา)
จากนั้นความสามารถของโทรศัพท์มือถือก็พัฒนาเรื่อยมา แต่เป็นเพียงเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารเท่านั้น จากนั้นมาอุตสาหกรรมมือถือก็พัฒนาอย่างหลากหลายทั้งการพูดคุยแบบประชุมสาย การใส่ออร์แกไนเซอร์ต่างๆ เช่น เครื่องคิดเลข ปฎิทินไว้ในโทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์ที่เป็นมากกว่าโทรศัพท์ ตลาดยังคงดำเนินต่อมาโดยบริษัทใหญ่ๆนั้นแทบจะกินส่วนแบ่งการตลาดถึงครึ่งจนกระทั่งบริษัททางฝั่งเอเชีย เริ่มเห็นแนวทางใหม่ในการพัฒนาโทรศัพท์มือถือโดยการผลิตโทรศัพท์จอสี ในช่วงแรกบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปเห็นว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็นและเป็นการเพิ่มต้นทุนที่สูง  แต่มือถือจอสีเหล่านั้นกลับได้รับความนิยมและมียอดขายที่สูงจนบริษัทจากยุโรปต้องหันมาค้นคว้าและเริ่มผลิตโทรศัพท์จอสีปล่อยสู่ตลาดเพื่อแข่งขัน ณ จุดนี้เองอุตสาหกรรมมือถือ เริ่มเห็นแนวโน้มในการพัฒนา และทราบว่าอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์นั้นมิได้มีเพียงแต่ใช้เพื่อการสื่อสารแต่ผู้บริโภคต้องการสิ่งอื่นด้วย ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายบริษัทมุ่งเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโทรศัพท์มือถือ  
รูปลักษณ์ สีสัน ฟังก์ชั่นสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความนิยมของผู้บริโภค ตลาดโทรศัพท์มือถือกลายเป็นตลาดที่ผู้ผลิตต้องช่วงชิงโอกาสในการคิดค้น และปล่อยสินค้าที่มีลูกเล่นใหม่เข้าสู่ตลาด และหากสินค้าเป็นที่นิยมบริษัทก็สามารถตั้งราคาเกินกว่าต้นทุนเพื่อดูดซับส่วนเกินของผู้บริโภคสร้างกำไรให้บริษัทได้มากมาย เมื่อโทรศัพท์มือถือเริ่มเติบโตมาถึงขีดสุดของดีไซน์และฟังก์ชั่นพื้นฐานทางการสื่อสารก็ได้ทำการรุกรานตลาดอื่นเพื่อ ช่วงชิงอุปสงค์จากอุตสาหกรรมอื่น เช่น การติดตั้งกล้องในโทรศัพท์มือถือแม้ในช่วงแรกๆ จะมีความชัดไม่มากแต่ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก หรือจะเป็นการติดตั้งเทคโนโลยีการอ่าน Mp3 เพื่อแย่งชิงลูกค้าจาก ipod โทรศัพท์มือถือได้พัฒนาสู่ยุคฟีเจอร์โฟน โทรศัพท์ที่มีฟังก์ชั่นที่หลากหลายมากขึ้น และพัฒนาสู่ยุคสมาร์ตโฟนในเวลาต่อมา
Market shareและบทเรียนที่ล้ำค่าของบริษัทยักษ์ใหญ่ แม้ในอดีตบริษัทจากยุโรปที่ได้รับความนิยมสูงจากลูกค้าจะสามารถขายสินค้าโดยตั้งราคาเกินจริงได้ แต่ปัจจุบันค่ายโทรศัพท์มือถือจากเอเชียได้แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ความคุ้มค่าที่มากขึ้น และสิ่งนี้สามารถทำลายroyalty ที่ผู้บริโภคมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ทางยุโรปอย่างเนเกีย โมโตโรล่า และโซนี่อิริคสัน ลงได้ ด้วยปัจจุบันค่ายโทรศัพท์มือถืออย่างซัมซุง และแอลจีได้เบียดอินเตอร์แบรนต่างๆขึ้นมาครองmarket share ที่อันดับ 2-3 ตามลำดับ โดยโนเกียนั้นยังคงครองอันดับ 1 เนื่องจากได้รับความเชื่อถือในด้านของความคงทน แม้ในด้านเทคโนโลยีโนเกียจะเชื่องช้าที่สุดก็ตาม สิ่งนี่ทำให้อินเตอร์แบรนทางยุโรปไม่สามารถกั๊กเทคโนโลยีได้อีกต่อไป และทำให้ตลาดโทรศัพท์มือถือมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นอีก
อำนาจของผู้บริโภคระดับล่าง และการคุกคามจากเฮาส์แบรน ในอดีตบุคคลที่จะสามารถหาซื้อโทรศัพท์มือถือมาใช้งานได้มักจะเป็นคนที่มาฐานะระดับกลางขึ้นไป แต่ในปี 2553 ผลการวิจัยสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พบว่าคนไทยใช้โทรศัพท์มือถือโทรหากันถึง 68% และโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนมากขึ้น   แสดงว่ามีคนในระดับล่างเข้ามาใช้โทรศัพท์มือถือมากขึ้น โดยในปีเดียวกัน ผลการวิจัยจาก Learn Asia พบว่ากลุ่มคนในระดับ Bottom of Pyramid เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือมากขึ้นอย่างน่าตกใจ อย่างในประเทศไทยคนกลุ่มนี้ถึง 91% มีโทรศัพท์มือถือไว้ใช้งาน  ดังนั้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจึงเกิดการเปิดศึกช่วงชิงตลาดในระดับล่าง โดยเราได้เห็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่เปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่ราคาต่ำชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตลาดมือถือระดับล่างไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลกเพราะคนในระดับล่างเริ่มมีกำลังซื้อและเห็นความสำคัญมากขึ้น เหตุนี้ทำให้เกิดเฮาส์แบรน์ขึ้นมากมาย และเป็นศัตรูที่อันตรายอย่างมากต่ออินเตอร์แบรน เนื่องด้วย ณ ราคาเปรียบเทียบมือถืออย่างเฮาส์แบรนมีฟังก์ชั่นที่มากกว่า คุ้มค่ากว่าเช่น การดูโทรทัศน์ระบบอะนาลอกผ่านโทรศัพท์มือถือได้ การเปิดใช้งานได้ 2 ซิม แม้ในช่วงแรกเฮาส์แบรนจะถูกโจมตีด้วยคุณภาพที่ไม่ดี แต่ในช่วงหลังเฮาส์แบรนเหล่านี้หันมาใส่ใจกับคุณภาพมากขึ้น และอินเตอร์แบรนเองก็ต้องการลดต้นทุน จึงย้ายฐานการผลิตมาอยู่ในจีนเช่นเดียวกับเฮาส์แบรน ประกอบกับในปัจจุบันข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือนั้นเข้าถึงง่าย ไม่ว่าจะเป็นทางหนังสือ หรืออินเตอร์เน็ตผู้บริโภคจึงเกิดการรับรู้ และรู้สึกไม่แตกต่างมากนัก  นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้โทรศัพท์มือถือระดับล่างเป็นที่นิยมคือพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป แม้เดิมโทรศัพท์มือถืออาจจัดได้ว่าเป็นสินค้าประเภทคงทน แต่ปัจจุบันค่าเฉลี่ยการใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ที่ไม่เกิน 2ปีต่อเครื่องเท่านั้น 
สถานการณ์การแข่งขันธุรกิจเครือข่ายมือถือในประเทศไทย       เมื่อพูดถึงสถานการณ์การแข่งขันธุรกิจมือถือครบวงจรในประเทศไทย มีผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่3ราย ซึ่งเป็นทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายและเป็นตัวแทนจำหน่ายด้วยได้แก่ AIS DTAC TRUEMOVE ในช่วงระยะเวลา10ปีที่ผ่านมาวิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากอุปกรณ์สื่อสารเลื่อนฐานะมาเป็นปัจจัยที่5 จนในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเป็นแฟชั่นและเสมือนเป็นเครื่องวัดฐานะอย่างหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามโทรศัพท์มือถือก็ถือเป็นสินค้าคงทน (durable goods) ชนิดหนึ่ง ซึ่งตามทฤษฎีสินค้าคงทนผู้ผลิตจะต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อให้ผู้บริโภคที่ทีรสนิยมๆได้ซื้อสินค้าที่หลากหลายหรือสินค้าใหม่แต่ผู้ผลิตทั้ง3รายกลับหาทางเลือกอื่นหรือจะเรียกว่าเปลี่ยนสภาพตลาดที่แข่งขันจากตลาดที่แข่งขันอย่างดุเดือด(red ocean)มาแข่งขันในตลาดเกิดใหม่(blue ocean)เพื่อขยายตลาดเพิ่ม ดังนั้นผู้ให้บริการจึงต้องหันมาแข่งขันทางด้านอื่นๆทั้งบริการเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสัญญาณ promotionค่าโทร บริการเสริมทั้งที่เกี่ยวข้องกับบริการด้านเครือข่าย และ บริการเสริมอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการแข่งขันทางด้านบริการเครือข่ายและบริการเสริมเริ่มเข้าสู่จุดที่ใกล้จะอิ่มตัวแล้วเช่นกันจึงต้องดูกันว่าในอนาคต ผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้ง3รายจะดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างไรกับธุรกิจมือถือนี้
โทรศัพท์มือถือจึงเป็นตลาดที่ทำเงินอย่างมหาศาลต่อปี  เป็นสินค้าที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นอุปกรณ์ที่อยู่ข้างกายทุกคน ตลอด 24 ชม. ในการดำเนินชีวิต  สินค้าที่เป็นทั้งเทคโนโลยีและแฟชั่น  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด อย่างเช่นในปัจจุบันแม้กระแสที่ดูเหมือนไม่มีอะไรอย่างคีย์บอร์ดQWERTY ก็สร้างความคึกคัดให้ตลาดมือถือได้เป็นอย่างมากแบรนที่ตื่นตัวและ สามารถปรับตัวส่งสินค้าออกมาครองตลาดได้ก่อน ก็จะกอบโกยกำไรไปอย่างสวยงาม บริษัทที่ไหวตัวจะก็จะพลาดโอกาสที่จะกอบโกยกำไรไป สินค้าที่ปล่อยออกมาช้าในช่วงที่กระแสนิยมเริ่มตก บริษัทก็ต้องแบกรับภาระต่อไปและเมื่อกระแสใหม่โหมเข้ามาทุกคนก็จะกระโจนเข้ามา และเปิดเกมชิงส่วนแบ่งการตลาดกันอีกครั้ง ใครที่ยังไหวก็สู้ต่อไปในเกมหน้า ใครที่หมดแรงก็ต้องถูกเบียดออกไปจากสนามรบอย่างหมดรูปนี่คือสงครามที่พัฒนาจากอุปกรณ์ธรรมดา และยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่รู้จุดจบ.

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งการทำข่าวด้วย AIS BlackBerry วันที่ : 10 กุมภาพันธ์ 2554

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “แนวทางของเอไอเอสมุ่งให้ความสำคัญต่อการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เฉกเช่นระบบนิเวศน์ หรือ ECOSYSTEM เนื่องจากเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายปัจจุบันได้ถูกพัฒนาไปอย่างไร้ขีดจำกัด ผสมผสานด้วยรูปแบบที่หลากหลาย อันจะทำให้สามารถเสริมศักยภาพการบริหารจัดการ และสร้างโอกาส ในการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆทางธุรกิจต่างๆ ซึ่งท้ายที่สุดนอกจากจะทำให้องค์กรธุรกิจของพันธมิตรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ผู้บริโภคก็จะได้รับประโยชน์จากรูปแบบบริการใหม่ๆเช่นกัน”
สำหรับความร่วมมือกับ บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ในครั้งนี้ เอไอเอส ได้นำเทคโนโลยีของ BlackBerry Smart Phone ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างยิ่ง มาเป็นอาวุธสำคัญในการเสริมศักยภาพให้ทีมข่าวของมีเดีย สตูดิโอ แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดย นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “BlackBerry ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีฟังก์ชั่นสมบูรณ์แบบ ผสมผสานทั้ง Business รวมถึง Multi Media เข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BlackBerry Bold 9700 Smart Phone รุ่นล่าสุด ที่เพิ่มหน่วยความจำขึ้นอีก 2 เท่า, สามารถทำงานเชื่อมต่อกับ Mac OS, รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 3G, WiFi, กล้อง 3.2 ล้านพิคเซล, หน้าจอ HVGA ที่คมชัดสุดๆ จึงถือได้ว่าเหมาะกับรูปแบบการทำงานของมีเดีย สตูดิโอ ซึ่งเป็นองค์กรสื่อมวลชนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อนำ BlackBerry มาประยุกต์ใช้ในงานข่าวบนเครือข่ายที่เชื่อถือได้ของเอไอเอส ก็จะยิ่งทำให้การรายงานข่าว หรือ เผยแพร่ข่าวของมีเดีย สตูดิโอเป็นไปได้อย่างไร้ข้อจำกัด ซึ่งแน่นอนผู้ชมก็จะได้รับอรรถรสและประโยชน์จากการรับชมข่าวได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”

ส่วนฟังก์ชั่นของ AIS BlackBerry ที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทีมข่าวอย่างเห็นได้ชัด อาทิ กองบรรณาธิการสามารถรับ และตรวจแก้ไข Script ข่าวผ่านทาง Push Email ได้ตลอดเวลา, การค้นหาข้อมูลข่าวสารผ่านทาง AIS BlackBerry Portal เพื่อ update สถานการณ์ความคืบหน้าของข่าวสาร, การ Chat เป็นกลุ่มระหว่างนักข่าว ซึ่งสามารถส่งได้ทั้งข้อความ, ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ทั้งนี้รวมไปถึงสร้างช่องทางในการให้ประชาชนที่ชมข่าวสามารถมีส่วนร่วมผ่านทาง AIS BlackBerry ได้อีกด้วย
  
ด้าน นางชาลอต โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด กล่าวว่า “จากการที่เทคโนโลยีในปัจจุบันมีวิวัฒนาการ และนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้อุปกรณ์มือถือกลายเป็นเครื่องมือที่มีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน และในการดำเนินธุรกิจ จากการที่ศึกษา feature และ function ของ AIS BlackBerry Smart Phone พบว่านวัตกรรมดังกล่าวสามารถนำมาใช้กับงานข่าว ซึ่งต้องการความรวดเร็ว และ Real time ถูกต้อง และแม่นยำ การสื่อสาร การส่งข้อความทั้งภาพและเสียง ไม่ว่าจะอยู่บนภาคพื้นดิน หรือใช้กับ Media Flying Team จึงตั้งแนวทางในการทำข่าวให้เป็นการนำ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งการทำข่าวด้วย AIS BlackBerry” โดยมี AIS เป็นพันธมิตรที่ช่วยสนับสนุนด้านอุปกรณ์และ Know how ดังกล่าว ซึ่งความร่วมมือกับ AIS ในครั้งนี้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนที่สอดคล้องกับนโยบาย ECOSYSTEM ในด้านพันธมิตรทางธุรกิจของการ AIS แล้ว ยังเป็นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม  AIS BlackBerry เข้ามาใช้ใน 3 รายการข่าว คือ รายการ เช้านี้ ที่หมอชิต ,รายการ ประเด็นเด็ด 7 สี และรายการ เจาะ เกาะติด เพื่อเสริมศักยภาพความเข้มข้น ฉับไว และตรงประเด็น มากยิ่งขึ้น เนื่องจาก AIS BlackBerry มีความทันสมัยรองรับการใช้งานทุกรูปแบบและเป็นที่นิยมสูงมากในของโลกแห่งการสื่อสารที่ไร้ขีดจำกัด”

ซึ่งการนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาประยุกต์ใช้ในทั้ง 3 รายการข่าว นอกจากจะเป็นการสร้างเครือข่าย 0nline ของคนข่าวกับแหล่งข่าวในทุกทิศทั่วประเทศไทย ในการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสาร ประเด็นเด็ด ไฟล์ภาพ คลิปวีดีโอ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ฯลฯ เข้ามายังถังรับข้อมูลข่าวของรายการได้ตลอดเวลา ผู้ชมยังสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแชทกับทีมข่าว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะเราจะนำ 2DBarcode หรือ Pin ขึ้นทางหน้าจอทีวี เพื่อให้ผู้ชมทางบ้านร่วมเป็นหนึ่งกับทีมข่าวและสามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสาร หรือส่งภาพเหตุการณ์สดเข้ามายังรายการได้ ยกตัวอย่างเวลาผู้สื่อข่าวภาคสนามไปทำข่าว ในที่ไกลๆ อย่าง คุณมนตรี  อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าวภาคสนามที่ต้องไปใช้ชีวิตเกาะติดกับสถานการณ์ทางภาคใต้ หรือบนเฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ ทำให้ทีมข่าวทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังสามารถเชื่อมต่อและปฎิบัติงานข่าวได้อย่างสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้การนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างเครือข่ายของผู้ชมรายการ ที่จะสามารถมีส่วนร่วมทำให้ขยายฐานกลุ่มผู้ชมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย และสาเหตุหลักที่เลือกเป็นพันธมิตรกับ AIS เพราะมีเครือข่ายสัญญานครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ 

ภาพหลุดเพิ่มของ BlackBerry 9800 Slider


หลังจากที่ทางเราได้มีการนำเสนอข่าวความคืบหน้าของ BlackBerry แบบที่เป็นมือถือสไลด์อย่าง BlackBerry 9800 Slider มาวันนี้เรามีข่าวคราวความคืบหน้าของ BlackBerry รุ่นนี้มาอัพเดทกันครับ

โดยภาพหลุดคราวนี้จะเห็นว่าเจ้า 9800 Slider ตัวนี้ได้โชว์เบราเซอร์ webkit อยู่ ซึ่งทำให้เบราเซอร์ของ BlackBerry รุ่นนี้มีประสิทธิภาพที่สูงกว่า BlackBerry รุ่นอื่นๆเป็นอย่างมาก และตรงหน้าจอ About จะเห็นได้ชัดเจนว่าได้รันระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง BlackBerry OS 6.0 และมีการบอกว่าสามารถใช้งานผ่าน 3G และ WiFi ได้

ส่วนสเปคหน่วยความจำนั้น ตามภาพที่หลุดมา เจ้า 9800 Slider นี้จะมีแรม 512 MB และมีความจุในเครื่อง 4GB ซึ่งถือว่าเจ้าตัวนี้มีความจุมากกว่ารุ่นที่ผ่านๆมาเลยทีเดียว 

ทางแหล่งข่าวได้ออกมาบอกว่า 9800 Slider นี้จะมาภายในเดือนมิถุนายนนี้ บนเครือข่าย AT&T แต่เรายังไม่ขอคอนเฟิร์มข่าวการวางจำหน่ายเจ้า BlackBerry รุ่นสไลด์ตัวนี้แต่อย่างใด เพราะยังไม่ใช่ข่าวแบบเป็นทางการ


ที่มา Intomobile