ปี พ.ศ. 2553 หรือ ค.ศ. 2010 นี้เป็นอีกปีที่ความเคลื่อนไหวในวงการมือถือเต็มไปด้วยนวัตกรรม และเรื่องอื้อฉาวไม่ต่างกับวงการอื่นๆ ก่อนจะโบกลาปีเก่า เราจึงขอคัดสรรเฉพาะประเด็นเด่นๆ ในอุตสาหกรรมมือถือและโทรคมนาคมมาให้คุณทบทวนและเก็บเป็นประวัติศาสต์กันอีกสักครา
อันดับ1. ไอโฟน 4 ไม่มีเซอร์ไพรส์
มือถือเทพแห่งปี 2010 นี้ต้องยกให้กับไอโฟน 4 อย่างไม่ต้องสงสัย ที่ปัจจุบันคนไทยใช้กันเกลื่อนเพราะทั้ง 3 ค่ายมือถือเปิดตัวพร้อมๆ กันพร้อมแพคเกจที่คุ้มค่า และฟีเจอร์ที่หาไม่ได้ในไอโฟนรุ่นก่อนๆ อาทิ หน้าจอความคมชัดสูงจาก Retina Display คุยแบบเห็นหน้าด้วย Face Time ตัดต่อวิดีโอได้ด้วยแอปฯ iMovie ฯลฯ
แต่อย่างไรก็ดีช่วงหนึ่งเดือนก่อนที่สตีฟ จ็อบส์จะขึ้นเวทีเพื่อเปิดตัวมือถือเครื่องนี้ ความขลังแห่งความลับของไอโฟน 4 ก็ได้สลายไปด้วยเหตุการณ์ที่คนในของแอปเปิลลืมต้นแบบไอโฟน 4 ไว้ที่บาร์ เป็นเหตุให้มีภาพ/วิดีโอหลุดว่อนเน็ต ทั้งในอเมริกาและเวียดนาม
และเพียงแค่วันเดียวหลังจากไอโฟน 4 วางขายที่อเมริกาก็เจอกับปัญหาสัญญาณขาดหายจากผู้ใช้นับพันคน จนในที่สุดแอปเปิลเลยต้องแก้เกมด้วยการแจก Bumper หรือกรอบมือถือที่เป็นยางฟรี! ซึ่งก็ทำให้แอปเปิลต้องเสียเงินกว่า 5 พันล้านบาท!
และเพราะความเป็นสุดยอดมือถือ จึงทำให้แอปเปิลได้รับการโปรโมทแบบฟรีๆ จากสาวกมากมาย อาทิ ชำแหละทุกชิ้นส่วนของไอโฟน 4 จาก iFixit และประเมินราคาว่าต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 5,640 บาท จากนั้นก็เอาไปปั่นด้วย Will it Blend? หรือแม้กระทั่งแจ้งเกิดนักร้อง และนักดนตรีและคนเบื้องหลังมากมายจากการใช้ไอโฟน 4 แทนเครื่องดนตรี หรือกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งเรื่องด้วยมือถือไอโฟน 4 เครื่องเดียว นี่ยังไม่นับรวมกระแสมือถือซานไจ้ไอโฟน 4 ที่มีสารพัดสี พร้อมดูทีวีแอนาล็อกได้!
ปรากฎการณ์ไอโฟน 4 ฟีเวอร์ อาจจะสรุปได้สั้นๆ ว่า “ก็อย่างนี้แหละ…ของเค้าดีจริง!”
อันดับ 2. เครื่องรูดบัตรเครดิตด้วยไอโฟน
นิตยสาร Times ยกย่อง Square เครื่องรูดบัตรเครดิตด้วยไอโฟนเป็นหนึ่งใน 50 นวัตกรรมแห่งปี 2010 ในหมวดของเทคโนโลยี แต่ความเป็นจริงแล้วในแวดวงของเครื่องรูดบัตรเครดิตด้วยไอโฟนกลับมีคู่แข่งมากกว่า 10 รายจากทุกทวีปทั่วโลก อาทิ Mophie, Payware Mobile, Verifone, iCharge, ด้วยจุดเด่นที่มีการผสมระหว่างของเก่าและประสบการณ์จ่ายเงินใหม่ๆ ไว้ในตัว อันได้แก่ บัตรเครดิตธรรมดา กับการเซ็นชื่อบนจอสัมผัส และรับใบเสร็จทาง SMS จึงทำให้มันจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของสารพัดวิธีในการจ่ายเงินผ่านมือถืออื่นๆ เช่น SMS, WAP, NFC
อันดับ 3. มือถือกับแผ่นดินไหวที่เฮติ
เพราะเหตุการณ์ภัยพิบัติช็อกโลกที่เฮติ ซึ่งนับเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 200 ปี ทำให้เกิดปรากฎการณ์ 2 อย่างใหญ่ๆ ในวงการมือถือ อย่างแรกคือ การร่วมบริจาคผ่านช่องทางไฮเทคของคนทั่วโลก และอีกอย่างคือการพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ มาเสริมทัพอีกมาก เพื่อให้คนที่ประสบเหตุสามารถสื่อสารในยามวิกฤติได้ สำหรับการการบริจาคเงินพบว่าช่องทางการบริจาคผ่าน SMS มาแรงที่สุด เพราะง่ายและเข้าถึงได้กับทุกคนที่มีมือถือ ที่สำคัญเป็นเงินจำนวนไม่มากในการบริจาคแต่ละครั้งจึงทำให้คนใช้มือถือทั่วโลกแห่กันมาช่วยบริจาคผ่านช่องทางนี้ เฉพาะทางสภากาชาดอย่างเดียวได้ไปถึง 30 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบของแอปฯ ซึ่งรวมๆ แล้วช่องทางการบริจาคเงินผ่านมือถืออย่างเดียวมากกว่า 100 ล้านบาทในเวลาอันรวดเร็ว
และภายหลังก็ได้มีสารพัดนวัตกรรมที่ช่วยให้คนใช้มือถือในยามฉุกเฉิน ไม่มีทั้งคลื่นมือถือ และไฟฟ้าได้ อาทิ เด็กหนุ่มอายุเพียง 16 ปี ออกแบบอุปกรณ์ที่สามารถส่งข้อมูลด้วยคลื่นวิทยุความถี่ต่ำได้ ซึ่งสามารถทะลุทะลวงผ่านชั้นหินไปได้ง่ายกว่าคลื่นวิทยุความถี่สูงที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปในการกระจายสัญญาณวิทยุ FM ซึ่งจะเป็นแรกที่ทำระบบส่ง SMS จากชั้นใต้ดินที่ลึกเกือบ 1,000 ฟุตได้ นอกจากนี้ยังมีดร. พอล การ์ดเนอร์ สตีเฟ่น นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย ฟลินเดอร์ในออสเตรเลีย ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำให้มือถือสามารถสื่อสารหากันได้แม้จะอยู่ในที่อับสัญญาณ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งทั้งเสาโทรศัพท์ และดาวเทียมใดๆ แต่อาศัยหลักการของการส่งสัญญาณเสียงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi)
อันดับ 4. เสินเจิ้นแหล่งรวมของแรงส์!
มหาอำนาจแห่งโลกไฮเทคถูกเคลื่อนย้ายจากซิลิกอนวัลเลย์แห่งอเมริกามาที่หวาฉางเป่ย ณ เสินเจิ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ตั้งแต่โรงงาน Foxconn ที่ตั้งของศูนย์การผลิตคอมฯ มือถือฯ แบรนด์ดังทั่วโลก อาทิ HP, DELL, APPLE จึงทำให้ตึกใหญ่ๆ นับสิบตึก ณ ย่านหวาฉางเป่ยของเสินเจิ้นเป็นศูนย์การของเล่นไฮเทคใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลก และสำหรับวงการมือถือสิ่งที่เกิดมาควบคู่กับย่านนี้คงหนีไม่พ้น “มือถือซานไจ้” หรือมือถือที่ทั้งเลียนแบบแบรนด์ดัง หรือมือถือแปลกที่คนจีนคิดขึ้นมาเอง หรือแม้กระทั่งมือถือเฮ้าส์แบรนด์ที่เมืองไทยเอามาติดแบรนด์ใหญ่ๆ ขายก็ล้วนเอ็กซ์พอร์ตมาจากที่นี่ทั้งสิ้น จึงเป็นเหตุให้ระบบเศรษฐกิจของที่นี่โต 10.7% และเป็นส่วนผลักดันให้ GDP ของประเทศจีนพุ่งสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการล่าสุดของบริษัท MediaTek (ผู้อยู่เบื้องหลังของชิปอัจฉริยะในมือถือซานไจ้ ที่รวมทุกฟีเจอร์ที่คนอยากให้มีในมือถือเข้าไว้ด้วยกัน) กลับมีตัวแดงโดยกำไรในไตรมาส 3 ปีนี้ลดลง 18% นั่นก็เพราะบริษัทยังไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีให้ไปถึงยุค 3G ได้ แต่ก็พร้อมประกาศลุยสร้างชิปสำหรับมือถือระบบแอนดรอยด์ในราคาถูกที่สุดโลกมาแก้มือ
และประเด็นสุดท้ายที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเล็กๆ อย่าง Yosion Technology ในเสินเจิ้นดังไปทั่วโลกนั่นก็คือ การออกแบบซองมือถือที่สามารถเปลี่ยนไอพอด ทัช ให้กลายเป็นโทรศัพท์เหมือนไอโฟนได้! ในราคาไม่ถึง 3,000 บาท ช็อกใจสตีฟ จ็อบส์ไปเลย!
อันดับที่ 5. ใครๆ ก็มีแอปสโตร์
เพราะสมาร์ทโฟนแต่ละระบบปฏิบัติการกินขาดกันที่ “แอปพลิเคชัน” ซึ่งผู้นำความคิดที่ทำให้แอปสโตร์เป็น Role Model ก็ต้องประทับตราให้กับแอปเปิล ที่วันนี้แอปสโตร์มีแอปฯ มากกว่า 3 แสนแอปฯแล้ว! ซึ่งไม่ได้แค่หมายถึงการขายเครื่องได้มากขึ้น แต่ยังหมายถึงส่วนแบ่งรายได้จากการขายแอปฯ แต่ละชิ้นที่ 30% ด้วย จึงไม่แปลกใจที่วันนี้ ทั้งทุกองคาพยพของวงการมือถือ อาทิ ระบบมือถือสมาร์ทโฟน ทั้ง แอนดรอยด์ วินโดวส์โมบาย แบล็กเบอร์รี่ บาด้า ฯลฯ และผู้ผลิตมือถือเองอย่าง แอลจี ซัมซุง โนเกีย ฯลฯ และแม้แต่เครือข่ายมือถือเอง อย่าง ไชน่า โมบาย ไชน่า ยูนิคอม เอไอเอส ทรู ฯลฯ ก็หันมาเปิดแอปสโตร์ของตัวเองกันอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับฉบับหน้าเตรียมพบกับการฟันธงเทรนด์ดังเขย่าวงการมือถือปี 2011 อยากอัปเดทก่อนใคร ห้ามพลาดทุกแผงหนังสือกับคอลัมน์