วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สถิติยอดขายมือถือ

วันนี้ LIVE จะสั้นๆหน่อยครับ เพราะไม่ค่อยมีข่าวอะไร...เลยเอาสถิติยอดขายโทรศัพท์มาให้ดูกันนิดหน่อย

เดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซัมซุงขึ้นแท่นยอดขายมือถืออันดับ 1 ของเมืองไทยไปแล้วครับ ครองส่วนแบ่งไป 32.9% โดยมูลค่าตลาด (ต่อเดือน)

แต่ส่วนแบ่งทั้งปียังอยู่ที่ 29% เป็นรองโนเกียอยู่ แค่คาดว่า ธันวาคม ยอดต่อเดือนจะเป็น 35% ซึ่งทำให้ยอดทั้งปีเป็น 31%

เป็นครั้งแรกครับที่มีการเบียดเจ้าตลาดโนเกียได้ใกล้ชิดขนาดนี้ สินค้าของซัมซุงที่เป็นไฮไลต์คือทัชโฟนแคนดี้ครับ ขายได้กว่า 50,000 เครื่อง/เดือน

ซัมซุงแคนดี้นี่เป็น Feature phone ที่ตั้งราคาที่ 5,990 (กันยา 2009) เล่นตลาดล่างเมื่อเทียบกับบรรดา smartphone

ตัวนี้น่าจะทำให้ smartphone ปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย เพราะมี feature Social Network ด้วย และโฆษณาอัดด้วยความเป็น Touch phone

จุดอ่อนคือไม่มี WiFi และก็ไม่ใช่เป็น smartphone ยังคงเป็นแค่ feature phone ซึ่งก็สมกับราคา แต่ทำให้ตลาดสั่นไหวไปได้พอควร

ตอนนี้ตลาดโทรศัพท์ตลาดล่างก็เลยเป็นการแย่งกันของ Nokia กับ Samsung ไปโดยปริยาย เกิดขึ้นเกือบทั้งโลก...

ซัมซุงคุยว่าในส่วนโทรศัพท์ ทัชโฟน ซัมซุงกินส่วนแบ่งไป 40% จากมูลค่า 9 พันล้านบาท (1.5 ล้านเครื่อง) ในปีนี้

ปี 2009 มีรายได้จากมือถือในไทยประมาณ 6-7 พันล้านบาท (ตัวเลขเดือนสุดท้ายยังไม่ออก) ใช้งบการตลาดไป 600-700 ล้านบาท

ปีหน้าซัมซุงคาดว่าจะมีรายได้จากโทรศัพท์ในไทย 10,000 ล้านบาท เรียกว่า แถลงแบบไม่กลัวโนเกียเลยว่างั้น...

ตัวชูโรงตัวต่อไปคือ ทัชโฟนวัน เป็น ทัชโฟนราคา 4,290 บาท...

RT @mrpok: @ThaiShortNews Samsung Candy ในตลาดเหลือประมาณ 5,000 - 5,500 แล้ว

ผมอ่านรายงานยอดขายนี้แล้วหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะเป็นการแถลงแบบนักการตลาด ขอถลกหนังดูจริงๆกันในระดับโลกเลยดีกว่า

บอกแล้วนะครับว่าผม LIVE ตามความเห็นของผม และเป็นการ "วิพากษ์แบบสุดขั้ว" ไม่ต้องมาโกรธตามด่ากัน เพราะผมไม่สนใจ 555

ไตรมาสสุดท้ายปี 2009 (ฝรั่งนับ กค.-กย.นะครับ) ผลประกอบการของโนเกีย อยู่ที่ 108.5 ล้านเครื่อง เป็นมูลค่า 6.9 ล้านยูโร (10.36 ล้านเหรียญ)

Apple ขาย iPhone 7.4 ล้านตัว ได้ยอดขาย 4.5 ล้านเหรืยญ ที่สำคัญคือ กำไรสูงกว่า โนเกียมาก ขายน้อยตัว กำไรเยอะ

การแถลงผลประกอบการของซัมซุงโดยใช้คำว่า "Touch Phone" เป็นเรื่องน่าหงุดหงิด เพราะชี้นำตลาดให้เข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง

ผมเชื่อว่าตลาดในอนาคตน่าจะอยู่ที่ smartphone มากกว่า ตลาด phone และ smartphone น่าจะแยกออกจากกันเป็นคนละเรื่องมากกว่าจะมั่วรวมกันไป

ใน Q3 ราคาขายเฉลี่ย (Average Selling Price - ASP) ของ Nokia อยู่แค่ 72 ยูโร ตกจากปีที่แล้วถึง 10 ยูโร

ยอดขาย smartphone ขึ้นจาก 31.7 ล้านเครื่อง/ไตรมาส ปี 07 เป็น 44.2 ล้านในปีที่แล้ว แต่ยอดของ Nokia หายไปจาก 16 เป็น 15.5 ล้าน

ดูรายงานในอังกฤษก็ออกมาทำนองเดียวกัน คือใช้คำว่า Touch มาทำให้ตลาดปนกันไปหมด...

เรื่องนี้ผมว่าบรรดา smartphone คงต้อง educate ตลาดให้ดีว่าตลาดอยู่ตรงไหน ไม่งั้นจะเสียเปรียบเพราะเรื่องราคาเป็นหลัก...

กราฟนี้จะแสดงให้เข้าใจว่า Apple กับ RIM กำลังกินกำไรของอุตสาหกรรมมือถือไปหมดครับhttp://bit.ly/8y4iRC (ข้อมูลจาก Deutshe Bank)

จากกราฟของ Deutshe Bank - Apple กับ RIM ขายได้ 5-10% ของมือถือทั้งโลก แต่กินกำไรไป 31% (Apple) และ 35% (RIM)

เดือนนี้รอดูนะครับ Apple จะประกาศผลประกอบการวันที่ 25 นี้ แล้วเปิดตัว iSlate ต่อในวันรุ่งขึ้น คงกะให้หุ้นขึ้นสองขยัก โนเกียดันประกาศ 28

Samsung ใช้คำว่า "Touch phone" ส่วนโนเกียใช้คำว่า "Smartphone ทั้ง 20 รุ่นของเรา" ไม่รู้นับมาจากไหน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น