สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าตลาดโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่สุดมีการขยายตัวในปีนี้ หลังจากในปี 2552 ทำยอดขายได้ตกต่ำลงเมื่อวิกฤติเศรษฐกิจส่งผลให้ผู้บริโภคทั่วโลกลดค่าใช้จ่ายในส่วนการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอ-นิกส์ลง บริษัท สแทรทิจี อนาไลติกส์ฯกล่าวว่า ตลาดโทรศัพท์มือถือในไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 ขยายตัวในอัตรา13% ต่อปี ลดลงจาก 16% ในช่วงครึ่งแรกของปีอีกทั้งคาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4 การขยายตัวจะอยู่ที่ 10%
นีล มอว์สตัน นักวิเคราะห์จากสแทรทิจี อนาไลติกส์ ให้เหตุผลถึงการขยายตัวที่ลดลงว่ามาจากการขาดแคลนส่วนประกอบในการผลิตและความอ่อนไหวของสภาพเศรษฐกิจ”เราคาดหวังว่าการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นของสมาร์ทโฟนจะเป็นผลในด้านบวกต่อยอดขายโทรศัพท์มือถือในไตรมาสที่ 4 แต่ซัพพลายที่ไม่แน่นอนของชิ้นส่วนบางประเภทจะหมายถึงผู้ผลิตบางรายไม่สามารถผลิตโทรศัพท์ออกสู่ตลาดได้ตามเป้าหมาย”
ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหลายรายรวมทั้งโนเกียและโซนี่ อีริคสัน กล่าวว่าการขาดแคลนชิ้นส่วนฉุดยอดขายของบริษัทในไตรมาสล่าสุดให้ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเจฟฟ์ แบลเบอร์ นักวิเคราะห์จากซีซีเอส อินไซต์กล่าวว่าวัตถุดิบในการผลิตน่าจะยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องไปสู่ไตรมาส4 เนื่องจากสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์แท็บเลตจำนวนมากที่ต่อคิววางตลาดจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับซัพพลายด้านชิ้นส่วน
ขณะเดียวกันตลาดสมาร์ทโฟนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่3ด้วยยอดขายไอโฟนของบริษัทแอปเปิลฯเพิ่มขึ้น91%จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนทำให้ในเวลานี้แอปเปิลก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ4ของโลกในแง่ของยอดขายเครื่องโทรศัพท์และนับตั้งแต่ปี2552แอปเปิลเป็นบริษัทที่ทำอัตรากำไรได้สูงสุดในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ
“การเข้ามาเป็น 1 ใน 5 ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของแอปเปิลยิ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของสมาร์ทโฟนในตลาดโทรศัพท์มือถือโดยรวม” เควิน เรสทิโวนักวิเคราะห์จากไอดีซีให้ความเห็นไอดีซีคาดหมายว่าตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้จะเติบโตขึ้น 55% จากปีก่อน
โซนี่ อีริคสัน และโมโตโรล่า ต่างได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแนวทางโดยเน้นไปที่สมาร์ทโฟนในไตรมาสนี้อย่างไรก็ตามยอดขายโดยรวมของทั้งคู่หดตัวอย่างมากจากปีก่อนเนื่องจากทั้งสองบริษัทขายโทรศัพท์รุ่นที่มีราคาถูกลง
ในบรรดาผู้ผลิตรายใหญ่3 อันดับแรก มีเพียงซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตขนาดใหญ่อันดับ 2 ที่มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ และผู้นำตลาดอย่างโนเกียมีส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงในไตรมาส3 นอกจากนี้ธุรกิจสมาร์ทโฟนของซัมซุงที่เป็นตัวฉุดผลประกอบการในครึ่งแรกของปี ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยคิดเป็น 11% ของยอดขายโทรศัพท์มือถือทั้งหมดของบริษัท เพิ่มขึ้นจาก 2%ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
เทโร คุยทิเนน นักวิเคราะห์จากเอ็มเคเอ็ม พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่ายอดขายของผู้ผลิตโทรศัพท์ชั้นนำ ทั้งโนเกีย แอลจี และโซนี่ อีริคสัน อ่อนแออย่างผิดคาด”ผู้ผลิตเหล่านี้โทษการขาดแคลนชิ้นส่วนว่าทำให้ยอดขายลดลงแต่ยังมีคำถามคงอยู่ว่าผู้ผลิตโทรศัพท์แบรนด์เนมอาจจะกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับผู้ผลิตโทรศัพท์ราคาถูกไม่มีชื่อ”
มอว์สตันกล่าวว่านับเป็นไตรมาสที่9 ติดต่อกันแล้วที่อัตราการเติบโตของโนเกียต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดโนเกียเป็นผู้นำในตลาดโลว์เอนด์มาเป็นเวลาหลายปีครอบครองส่วนแบ่งไว้มากกว่า 50% ของตลาดล่างแต่นักวิเคราะห์มองว่าผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือจากฟินแลนด์รายนี้กำลังถูกกดดันจากคู่แข่งสัญชาติจีน ชื่อ แซดทีซี โดยเฉพาะในตลาดประเทศกำลังพัฒนาในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น