วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อุตสาหกรรม โทรศัพท์


การสื่อสารโทรคมนาคมในทุกวันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและมีบทบาทมากในสังคม จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีนี้ได้มีผลโดยตรงต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเราทุกคน ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานี้ ภาวะเศรษฐกิจโลก จะอยู่ในช่วงการชะลอตัวก็ตาม แต่ทางด้านธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมนั้น ยังถือว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก ภาวะเศรษฐกิจนี้มากเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าในปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ ที่ดูเหมือนว่าทุกคน จะขาดไปไม่ได้มากขึ้นทุกที  
และจากภาวะเศรษฐกิจนี้ ประเทศไทยก็ถือว่ายังมีความเสี่ยงในการตัดสินใจด้านการลงทุนทำธุรกิจ เป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากนักลงทุนลองมองลงไปให้ลึกในภาคอุตสาหกรรม  ก็ถือว่าเป็นโอกาสของธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมที่จะเปิดให้บริการโดยเฉพาะธุรกิจ  มือถือ 3G “   ซึ่งถือได้ว่าเป็นแรงขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของ ประเทศไทยอีกด้วย
            เมื่อพูดถึง ธุรกิจมือถือ “ 3G” หรือ Third Generation  ถือเป็นอุปกรณ์ผสมผสานการนำเสนอข้อมูลและเทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน  ซึ่งถือเป็นความสามารถในการ ใช้บริการมัลติมีเดียที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของมือถือ 3G อยู่ที่การเป็นระบบที่มีการ เชื่อมต่อกับเครือข่ายของ3Gได้ตลอดเวลาเมื่อเราเปิดโทรศัพท์(always on) เปรียบสมือนกับคอมพิวเตอร์พกพา เลยก็ว่าได้
            จะขอยกตัวอย่างโฆษณาของยุคมือถือ 3G ที่ได้กล่าวไว้ว่า  นับแต่บัดนี้ พลังการตลาด ของ จอที่สาม” หรือโทรศัพท์มือถือ จะวิ่งไล่ทีวีและคอมพิวเตอร์อย่างใกล้ชิด ความเร็วที่มาพร้อมกับ 3G จะทำให้ผู้บริโภคนั้น เสพเนื้อหา  (content) ผ่านมือถือได้มากและหลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนั้น จอที่สาม” ยังจะอยู่เคียงข้างผู้ใช้ ไปทุกหนแห่ง
            จากตัวอย่างคำโฆษณานี้ ทำให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ ที่จะทำให้เรารับความสะดวก สบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจกับเทคโนโลยีเหล่านี้ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็ยังคงใช้ โทรศัพท์มือถือรุ่นที่เป็นเบสิคโฟน  โดยใช้เพียงเพื่อติดต่อสื่อสารเท่านั้น การที่ธุรกิจจะทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยน พฤติกรรม(conduct) หันมาสนใจ ในเทคโนโลยีมือถือ 3G นี้ จึงขึ้นอยู่กับต้นทุน (cost) ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญ ในการพิจารณาสินค้าสำหรับผู้บริโภค นอกจากนั้นต้นทุน (cost) ก็ยังเป็นปัจจัยที่ใช้ในการตัดสินใจสำหรับ นักลงทุนในการเลือกที่จะลงทุนในธุรกิจนี้ด้วยเช่นกัน
            การทำธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมใหม่ๆอย่างมือถือ 3G ได้ทำให้เกิดนโยบายใหม่ๆของรัฐบาลเข้ามา อย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายจากรูปแบบสัมปทานเป็นการให้ใบอนุญาต ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนธุรกิจผูกขาดให้กลายเป็น ธุรกิจที่มีการแข่งขันเสรีมากขึ้น และรัฐบาลก็ยังมีการคืนสิทธิ์ให้กับผู้บริโภค ซึ่งทำให้ผู้บริโภคได้มีสิทธิ์ที่จะเลือกใช้ บริการตามเครือข่ายที่ตนเองต้องการได้
จากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสัมปทานมาเป็นแบบการออกใบอนุญาตนั้น ได้ทำให้ค่ายมือถือ ยักษ์ใหญ่ ของไทย ไม่ว่าจะเป็น บจม.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และบริษัท ทรูมูฟจำกัด เตรียมพร้อมที่จะหากลยุทธ์และกำหนดแผนการลงทุนไว้ล่วงหน้าคร่าวๆ เพื่อที่จะควบคุมต้นทุนในการ ลงทุน และคิดหากลยุทธ์ทางด้านราคามาต่อสู้กับคู่แข่งทางธุรกิจ 
ซึ่งการที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ธุรกิจมือถือ 3G มีการแข่งขันที่เสรีมากขึ้น ได้ทำให้เกิดการแข่งขันกันทางด้าน ราคาของกลุ่มผู้ผลิต โดยจะส่งผลดีให้กับกลุ่มของผู้บริโภค เพราะธุรกิจเหล่านี้ ได้ใช้กลยุทธ์การตั้งราคาในการแข่งขัน ที่ไม่สูงมากนัก ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้บริการได้ในราคาที่ไม่สูงเท่าที่ควร เพื่อเป็นการตั้งราคาจูงใจ (incentive) ให้มีผู้ใช้บริการของตนมากกว่าคู่แข่งอื่นก่อน เพื่อที่จะครองส่วนแบ่งตลาดธุรกิจ (market share) มือถือให้มากที่สุด  
แต่ท้ายที่สุดแล้ว การที่นักธุรกิจจะเลือกลงทุนหรือไม่ ก็คงต้องดูในเรื่องของความเสี่ยงในด้านโอกาสของ การคุ้มทุน และเรื่องของความยืดหยุ่นของสินค้าต่อราคาด้วย  แต่ถ้าเอาความเป็นจริง ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมนั้น มีโอกาสน้อยมากที่จะขาดทุน เพราะเทคโนโลยีมันได้พัฒนาและเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ  ฉะนั้นธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ก็ย่อมที่จะเติบโตตามไปด้วยอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่านักธุรกิจแต่ละรายจะงัดกลยุทธ์ใดมาแข่งขันกับคู่แข่งเท่านั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น